ตั้งชื่อเรื่องมาอย่างนี้แล้ว มีใครรู้สึกน้ำลายสอบ้างไหมล่ะ ? ที่แน่ ๆ ถ้าคุณน้องสาว มาเห็นนะ เธอจะออกอาการทันที ก็กระท้อนดองน่ะเป็นอาหารโปรดสำหรับกินเล่นของเธอเชียวหละ อย่างไรก็ตามเมื่อเข้ามาถึงบรรทัด คุณอย่าเพิ่งเข้าใจ หรือทึกทักว่า แม่ยายมาฯ เป็น แม่ครัว หรือว่ามีฝีมือทำอาหารชั้นเยี่ยมนะคะ ลองกลับไปดูหัวเรื่องสิ ...ลอง ค่ะ ลอง เมื่อต้องลอง นะ ย่อมหมายถึงว่า อยู่ ๆ ก็เกิดความจำเป็นที่จะต้องทำขึ้นมาค่ะ จำเป็นอย่างไร คงต้องอ่านต่อ เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า..... เราได้กระท้อนดองมา 1 ไห เห็นภาพเลยไหมคุณ (หุย...ฮา...ตั้งใจถ่ายภาพมาฝากได้งามเท่านี้จริงๆ...) ได้มาโดยไม่ได้ไปขุดสมบัติเจอนะ มีน้องคนหนึ่งเอามาให้ เนื่องจากบ้านเค้ามีต้นกระท้อนพันธุ์ธรรมด๊า ธรรมดานี่แหละค่ะ พอถึงฤดูที่ออกผลก็ออกซะมากมาย ไม่มีคนเก็บกิน เพราะต้นใหญ่โตมาก ผลก็ร่วงลงมาเกลื่อนอยู่ใต้ต้น เห็นแล้วอดไม่ได้ เสียดายของ เค้าก็เลยเอามาปอก (ปอกเปลือกออกหมดบ้าง ไม่หมดบ้าง) แล้วก็ (น่าจะ) ล้าง แล้วก็เอามาใส่ไห เอาน้ำใส่ เกลือใส่ ไม่อิงสูตร แล้วก็ปิดฝา โดยเอาถุง ร้าน 7- eleven มาปิดแล้วเอาเชือกฟางรัดไว้ 555 ภูมิปัญญาไทยดีไหมคุณ แล้วเค้าก็เอามาฝากเรา บอกว่ากินได้แล้ว.. อย่าถามนะ ว่าดองมากี่วัน เพราะไม่ได้ถาม ดังนั้น ถ้าใครจะเอาข้อมูลนี้ไปอ้างอิง ก็ต้องบอกว่าใช้เพื่อประโยชน์นั้นมิได้ค่ะ แค่อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น จริง ๆ นะ ดูสีแล้วไม่น่ากินเลย พอเอามาชิม ก็รสชาติไม่ดี เพราะว่าความเค็มของน้ำเกลือไม่พอ กระท้อนที่น้องเค้าบอกว่าดองพอกินได้แล้ว มีรสชาดฝาด ๆ เฝื่อนๆ ไม่อร่อย ให้กินก็คงไม่หมดไหแน่ ๆ แล้วความคิดก็แล่นปรู๊ดปร๊าดตามประสา คนที่เคยเห็นแม่ทำสารพัดอาหาร แม่ชอบเอาผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงดิบที่กินไม่ทันมาดองแล้วทำแช่อิ่ม ถ้างั้น วันนี้เราจะเอากระท้อนดอง(ไม่อร่อย) พวกนี้มาทำเป็นกระท้อนแช่อิ่มที่(น่าจะ)แสนอร่อย ไว้กินดีกว่า ก็คงต้องเริ่มที่วัตถุดิบหล่ะ เริ่มจากมี 1. กระท้อนดองเค็ม เลือกมา สิบกว่าลูก 2. น้ำตาล วันนี้ใช้น้ำตาลทรายขาวค่ะ ไปซื้อมา สอง กิโลกรัม ซื้อเผื่อ ดีกว่าซื้อขาดนะ เพราะว่าไม่ค่อยได้ไปตลาด เริ่มเลยละกัน เอากระท้อนออกมาล้าง และกรีดเนื้อลงเล็กน้อย ให้เนื้อกระท้อน ปริออก เพื่อให้ความหวานแทรกเข้าไปในเนื้อกระท้อนได้ง่ายขึ้น กรีดรอบๆ ผล แล้ว บีบให้แบนติ๊ดนึง เอาวางในภาชนะสะอาด วันนี้เลือกเป็นกล่องพลาสติค มีฝาปิด หลังจากนั้นก็ไปต้มน้ำเชื่อมค่ะ เพื่อที่จะเอามาแช่อิ่มกระท้อน เอาล่ะซี ไม่รู้สูตรอีกเช่นเคยค่ะ งั้นก็กะ ๆ เอาละกัน เอาน้ำใส่หม้อแล้วเทน้ำตาลลงไป ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ต้มให้เดือด ทิ้งไว้ให้เย็น ชิมน้ำเชื่อมให้หวานจัดหน่อยนะคะ พอเย็นดีแล้วก็เอาไปเทใส่ภาชนะที่บรรจุกระท้อนไว้ [ พอเทลงไปปุ๊บ สิ่งที่เรารู้ก็คือ น้ำเชื่อมที่ต้มใสเกินไป ทำไงล่ะทีนี้.... ขอเทน้ำเชื่อมใส่หม้อ เพิ่มน้ำตาลแล้วต้มใหม่ค่ะ เย็นแล้วเอามาเทใหม่ ] ทีนี้ดูได้ที่แฮะ ก็ปิดฝาค่ะ รอลุ้นว่า กี่วันจะหวานเข้าเนื้อ กินได้ อิอิ..ต้องรอลุ้นจริง ๆ ค่ะ เพราะไม่ได้โทรศัพท์ไปถามแม่ ว่ากี่วันถึงจะหวานกินได้ มา..ช่วยกันลุ้น วันต่อมา..... เปิดดูผลงานซะหน่อย อ้าว....เกิดอะไรขึ้น ทำไม น้ำเชื่อมแช่อิ่ม ถึงได้มีฝ้าขึ้นลอยหน้า และก็ยังมีฟองเล็กน้อยด้วย เสียหรือเปล่านี่ ลองชิมดูซิ โอ้โห!!!..ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ว่ารสชาติจะเป็นกระท้อนแช่อิ่มแล้ว กำลังหวานได้ที่ โดยเฉพาะส่วนที่แช่อยู่ในน้ำเชื่อม อร่อยจนอยากอวดเชียว แต่ฟองและฝ้าที่เกิดจะทำยังไงดี นึกถึงที่เคยเห็นแม่ทำ(อีกนั่นแหละ) ก็เลยเทเอาน้ำแช่อิ่มนั้นมาต้มใหม่ให้เดือด พอเย็นแล้วก็เทใส่ใหม่ แล้วก็เอาเข้าตู้เย็นค่ะ เก็บไว้กินนาน ๆ ที่สำคัญต้องถึงปากแม่น้องสาวคนดี เพราะว่าตั้งใจทำให้เค้าโดยเฉพาะ และก็ตามประสาคนที่ทำเองครั้งแรก ชิมแล้วชิมอีก รู้ไหมคะ...ว่ารับประทานกระท้อนแช่อิ่ม ไป 1 ลูก อร่อยค่ะ แต่เนื่องจากว่า นี่คืออาหารดอง ซึ่งไม่ถูกโฉลกกับเรา หลังจากกินได้เพียง สอง สาม ชั่วโมง ก็เกิดอาหารคันยุกยิกตามตัว และก็ปวดท้องกระเพาะแล้วค่ะ คงต้องขอตัวไปกินยาก่อนนะคะ... "Flower: Rape Blossom" บันทึกหลังครัว : หลังจากที่เอากระท้อนดองกล่องนี้กลับบ้าน เจอกันพร้อมหน้าตา พวกเราก็ร่วมวงสังสรรค์สนทนา โดยมีอาหารทดลองกล่องนี้เป็นศูนย์กลาง กินไปบ่นไป มันหวานเกิน อย่างนี้เบาหวานไขมันถามหากันเกรียว แต่สุดท้ายนัยเหตุแห่งความเพลิน ก็ทำให้กระท้อนดองกล่องนี้ วับหายไปกับท้อง... |